ในปัจจุบันมนุษย์เรากำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อุณหภูมิที่สูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีจนทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย ทางเลือกของผู้ใช้รถใช้ถนนสำหรับการแก้ปัญหานี้คือการเลือกใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) กันมากขึ้น และกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เพราะไม่เพียงใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน จึงไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ฟังก์ชันและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แบตเตอรี่คงทนอีกด้วย เพื่อให้รู้จักรถประเภทนี้กันมากขึ้น จึงได้รวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษา หากพร้อมแล้วไปกันเลย
รถยนต์ไฟฟ้า EV คืออะไร ?
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่า รถ EV เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และขับเคลื่อนตัวรถด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซล โดยหลักการทำงานคือ ระบบจะกักเก็บพลังงานเอาไว้ที่แบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟเข้าไปได้ และแปลงเป็นพลังงานออกมานั่นเอง ซึ่งมีความแตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั่วไปที่ขับเคลื่อนด้วยระบบเครื่องยนต์แบบสันดาป และใช้การเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิง จึงมีก๊าซและมลพิษออกมาเป็นจำนวนมาก
โดยข้อดีของรถประเภทนี้คือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของมนุษย์อย่างมาก เนื่องจากมีการใช้พลังงานจากไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่มีไอเสียและไม่มีมลพิษพ่นออกมา ทั้งยังช่วยประหยัดเงินได้ดี เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสียค่าน้ำมัน แถมมีชิ้นส่วนไม่เยอะ ทำให้การบำรุงรักษาน้อย นอกจากนี้การที่ไม่ต้องจุดระเบิดเผาไหม้ จึงทำให้เครื่องยนต์เงียบ ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน รวมถึงคนทั่วไปด้วย
วิธีเลือกซื้อรถไฟฟ้า EV มีจุดไหนที่ควรความสำคัญ และตรวจสอบให้แน่ใจก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
ปริมาณความจุของแบตเตอรี่ เพราะยิ่งมีปริมาณเยอะมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้วิ่งได้ระยะทางที่ไกลมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นควรตรวจสอบความจุแบตเตอรี่ก่อนซื้อ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ 1) Lead-Acid 2)NiMH (Nickel-Metal Hydride) 3)Ni-Cd (Nickel-Cadmium) และ 4) Li-Ion (Lithium-Ion) โดยในประเภทที่ 4 นี้เป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะมีน้ำหนักเบา เล็กกะทัดรัด จ่ายพลังงานได้รวดเร็ว รวมถึงมีความจุที่ 100-400 kWh อีกด้วย นอกจากจะดูในเรื่องแบตแล้วสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ สภาพถนน การจราจร แอร์ภายในห้องโดยสาร ซึ่งล้วนมีผลต่อการใช้พลังงาน แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้เลือกที่ระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ความจุแบต 40 kWh ขึ้นไป
หัวชาร์จ เนื่องจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV มีหัวชาร์จหลายรูปแบบ แถมมีระยะเวลาชาร์จและการรองรับกระแสไฟที่แตกต่างกัน โดยหัวชาร์จจะมีด้วยกัน 4 ประเภท คือ AC-Type 1, Ac-Type 2, DC-CHAdeMO และ DC-Combined Charging System ส่วนรูปแบบการชาร์จมี 3 ประเภท ได้แก่ Quick Charge, Normal Charger และ Normal Charger ซึ่งมิเตอร์ไฟบ้านทั่วไปจะรองรับกระแสไฟตั้งแต่ 15(45)A ขึ้นไป หากเลือกประเภทการชาร์จได้เหมาะสม ก็จะช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น และมีจุดชาร์จมากมายมีความสะดวก ปลอดภัยแน่นอน
ระยะเวลาชาร์จ สำหรับรถ EV จะสามารถชาร์จได้ทั้งตู้และที่บ้าน (Wall Box) รวมถึงจุดชาร์จตามสถานีอัดประจุไฟฟ้า ที่มีทั้งภายศูนย์บริการ ปั๊มน้ำมัน หรือแม้ในแต่ห้างสรรพสินค้า โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาที่ประมาณ 30 นาที-15 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ซึ่งหัวชาร์จแบบกระแสตรง จะชาร์จไฟได้เร็วที่สุด คือประมาณ 40 นาที-1 ชั่วโมง ยิ่งแบตมากรองรับกระแสไฟได้น้อยก็จะใช้เวลาเพิ่มขึ้น ดังนั้นแนะนำว่าเลือกรุ่นที่มีความจุแบตไม่มากเกินไป พอดีและมีความเหมาะสมต่อการใช้งาน รวมถึงรองรับการชาร์จไฟกระแสตรง และกำลังไฟสูง ๆ ได้
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้คงพอจะรู้จักรถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV รวมถึงวิธีเลือกซื้อกันแล้ว ทั้งนี้ควรสอบถามรายละเอียดจากผู้ขายเพิ่มเติมถึงประสิทธิภาพการใช้งานด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น บางรุ่นอาจวิ่งได้ในระยะทางไกล ๆ แต่ห้ามขับเกินความเร็วที่ได้กำหนดเอาไว้ เป็นต้น และที่สำคัญสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือสถานที่ชาร์จไฟ หากมีความจำเป็นต้องติดตั้ง Wall Box ไว้ที่บ้าน อย่าลืมตรวจสอบพื้นที่ และวางแผนการเดินสายไฟด้วย เพื่อความปลอดภัย
เครดิตภาพ : tuemaster.com / brandbuffet.in.th / mrgonline.com
YouTube : spin9] พาชมรถ EV ทุกรุ่น ในงานมอเตอร์โชว์ 2021 – มาครบ Ora, e-tron GT, Taycan, MINI ฯลฯ
#รถไฟฟ้า EV #รู้จักรถไฟฟ้า EV #รถยนต์พลังงาน
