แบตเตอรี่ มักมีอายุการใช้งานอย่างจำกัด โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 24 เดือน ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความสามารถในการกักเก็บไฟก็จะค่อย ๆ ลดลง ทั้งนี้จะมีอายุมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการดูแล และปัจจัยของรถแต่ละคัน เช่น สถานที่จัดเก็บ ระยะทางการใช้ และการทำงานของเครื่องยนต์ ดังนั้นเพื่อให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูว่ามีวิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ ให้ใช้ได้อย่างยาวนาน ตลอดอายุการใช้งานกัน
ยืดอายุแบตเตอรี่ ด้วยวิธีง่าย ๆ
1. หลีกเลี่ยงการเดินทางระยะสั้นและบ่อย ๆ เพราะแบตมีหน้าที่จ่ายไฟสำหรับการสตาร์ทรถ และจะชาร์จกลับอีกครั้งในระหว่างขับรถ ซึ่งหากเป็นระยะทางที่สั้นมาก ๆ จะทำให้ไม่มีช่วงเวลาชาร์จไฟกลับ ทำให้กำลังไฟหายไปในช่วงนี้นั่นเอง และหากทำแบบนี้บ่อย ๆ หรือแทบทุกวัน ส่งผลให้แรงดันไฟฟ้าลดลงเรื่อย ๆ จนไม่มีกำลังไฟเพียงพอเพื่อสตาร์ทรถได้
2. ตรวจเช็คจุดยึด เนื่องจากแรงสั่นจากเครื่องยนต์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แบตเสี่อมได้เร็ว ดังนั้นควรเช็คตำแต่งที่วางให้ดีว่า อยู่ในจุดที่ถูกต้อง ยึดแน่นหนา ไม่เกิดการสั่นระหว่างที่รถเคลื่นไหว เพราะจะส่งผลให้ส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในกระแทกจนเกิดความเสียหายขึ้น วิธีนี้เป็นการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อนอีกด้วย
3. รักษาความสะอาด ควรอยู่ในสภาพดี สะอาด และแห้ง ไม่มีฝุ่นจับหนา ไม่มีคราบเปื้อน คราบขี้เกลือขาว ๆ เกิดขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปลดประสิทธิภาพการจ่ายไฟได้ โดยเราสามารถใช้แปรงสีฟัน จุ่มด้วยเบกกิ้งโซดา และน้ำเปล่า ขัดเบา ๆ และเช็ดออกให้หมดด้วยผ้าสะอาด
4. หลีกเลี่ยงลานจอดที่มีแสงแดดจัด อุณหภูมิจะมีผลกระทบในทางอ้อม คือ ของเหลวต่าง ๆ ที่อยู่ภายในแบตเตอรี่อาจจะระเหยออกไป ถึงแม้ว่าจะมีการผลิตออกมาให้เหมาะสมกับทุกสภาพอากาศแล้วก็ตาม แต่ความร้อนก็ยังมีผลอยู่เสมอ ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรหาที่จอดในที่ร่ม หรือลานจอดในอาคารจะดีกว่า
5. อย่าปล่อยให้น้ำกลั่นแห้ง หลายคนยังคงนิยมใช้แบตเตอรี่แบบน้ำมากกว่าแบบแห้ง เนื่องจากมีราคาถูก และใช้งานได้ยาวนาน แต่ด้านการดูแลรักษาก็จะเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อมีการใช้งานผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว น้ำในแบตจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ จากความร้อนภายนอก และภายใน หากปล่อยให้แห้งมากจนเกินไปจะทำให้แบตเสื่อมอายุลงอย่างรวดเร็ว
6. อย่าจอดรถทิ้งไว้โดยไม่ได้ขับนานเกินไป วิธีดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้นไม่ควรจอดรถทิ้งไว้โดยไม่ขับนานเกิน 1 สัปดาห์ เนื่องจากประจุไฟในแบตจะหายไปหากไม่มีการชาร์จ หรือสตาร์ทเครื่องยนต์ ฉะนั้นเมื่อควรนำออกมาวิ่งสักพักเพื่อให้แบตได้ทำการชาร์จไฟนั่นเอง
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ ที่อยากแนะนำให้ไปลองทำตามกันดูเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีวิธีดูแล รักษาที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละรุ่น ควรศึกษาและสอบถามผู้ขายหรือผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดเพื่อให้แบตเตอรี่ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนหรือนำออกมาชาร์จไฟบ่อย ๆ
เครดิตภาพ : thaiengine.org / carprakan.com / batteryroied.com
YouTube : UNT…บอกต่อ ตอน การดูแลและตรวจเช็คแบตเตอรี่
#ดูแลแบตเตอรี่ #แบตเตอรี่รถยนต์ #เรื่องรถน่ารู้
